เมื่อพูดถึง เครื่องกรองน้ำ ( Water Ionizer ) หลายคนอาจคุ้นเคยกับ เครื่องกรองน้ำ ( Water Ionizer ) เล็ก ๆ ที่ติดตั้งอยู่ในห้องครัว ซึ่งระบบกรองน้ำนั้นสามารถแบ่งได้เป็นหลายประเภท มาดูกันค่ะว่ามีอะไรบ้าง
ระบบน้ำใช้ Whole House Water Filter System
เป็นระบบกรองน้ำที่มีไว้เพื่อปรับปรุงคุณภาพน้ำให้ดีขึ้น ก่อนเข้าสู่ระบบประปาภายในบ้าน และยังเป็นการเตรียมความพร้อมของน้ำก่อนเข้าระบบกรองน้ำดื่มอีกด้วย โดยเฉพาะในพื้นที่น้ำกร่อย น้ำเค็ม น้ำกระด้าง ( สำหรับพื้นที่ที่ใช้น้ำบาดาล ) อีกทั้งระบบกรองน้ำใช้นี้ ยังช่วยถนอมระบบประปาในบ้านไม่ให้เกิดปัญหาในระยะยาวตามมา ซึ่งระบบกรองน้ำใช้นี้ควรติดตั้งเป็นสิ่งที่สองรองลงมาจากมิเตอร์น้ำประปาเลยทีเดียว หลังจากนั้นน้ำใช้ที่ผ่านระบบการกรองแล้วจะถูกแจกจ่ายไปยังส่วนต่าง ๆ ในบ้าน รวมถึงจ่ายไปยังระบบกรองน้ำดื่มด้วย
ระบบน้ำดื่ม Drinking Water Filter System
ระบบกรองน้ำดื่มโดยพื้นฐานจะมีความคล้ายกับระบบกรองน้ำใช้ แต่เน้นในด้านคุณภาพน้ำ และการกำจัดสิ่งปนเปื้อนออกจากน้ำก่อนนำไปบริโภค โดยเฉพาะเชื้อโรคต่าง ๆ ซึ่ง เครื่องกรองน้ำ ( Water Ionizer ) นั้นสามารถติดตั้งแยกตามจุดใช้งานได้หลายจุด
ประเภทของไส้กรอง
แม้ระบบของ เครื่องกรองน้ำ ( Water Ionizer ) นั้นจะมีอยู่มากมายหลายประเภท แต่ในส่วนของไส้กรองนั้นมีบางส่วนที่ยังใช้ร่วมกัน แต่แตกต่างกันไปในลำดับ และจำนวนขั้นตอนในกรรมวิธีการกรอง โดยแต่ละประเภทของไส้กรองนั้นต่างมีหน้าที่ และอายุการใช้งานต่างกันไป ดังนี้
หรือที่มักเรียกว่าไส้กรอง PP ไส้กรอง หยาบ มีความละเอียดตั้งแต่ 1 – 10 ไมครอน มักใช้ในการกรองขั้นแรกสุด สามารถดักฝุ่นผง และสารแขวนลอยต่าง ๆ ได้ดี ทำให้ไส้กรองละเอียดหลังจากนี้ไม่อุดตันง่าย อายุการใช้งานโดยประมาณ 3- 6 เดือน
เป็นการนำคาร์บอนมาอัดเป็นแท่งแล้วพันด้วยตาข่าย หรือใช้คาร์บอนเกล็ดอัดใส่กระบอก มีความสามารถในการดูดกลิ่น สี คลอรีน และสารเคมีต่าง มักอยู่ในระบบกรองน้ำแทบทุกระบบเลยทีเดียว อายุการใช้งานโดยประมาณ 3- 6 เดือน
ทำหน้าที่ลดปริมาณหินปูน ช่วยให้น้ำไม่กระด้าง มีหลักการทำงานคือ ใช้การเปลี่ยนประจุทำหน้าที่ดูดซับ แคลเซียม และแมกนีเซียม แลกเปลี่ยนเป็น โซเดียมมาแทนที่ มีความจำเป็นอย่างมากสำหรับพื้นที่ที่ใช้น้ำบาดาล หรือเป็นน้ำกร่อย อายุการใช้งานโดยประมาณ 3- 6 เดือน
เป็นไส้กรองที่ละเอียดที่สุดในปัจจุบัน สามารถกรองได้ถึง 0.0001 ไมครอน จึงสามารถกรองเชื้อไวรัสได้ สามารถกรองน้ำที่มีรสชาติกร่อยหรือเค็มได้ แต่ด้วยความละเอียดที่มากเป็นพิเศษการกรองประเภทนี้จึงต้องใช้แรงดัน และปั้มน้ำร่วมด้วย อายุการใช้งานโดยประมาณ 1 – 1.5 ปี
เป็นไส้กรองที่ไม่เกี่ยวกับความสะอาดของน้ำ แต่มีหน้าที่ในการปรับรสชาติ และค่า ph ของน้ำดื่ม อายุการใช้งานโดยประมาณ 1 ปี
เครื่องกรองน้ำ ( Water Ionizer ) ในท้องตลาดที่เป็นแบบเต็มระบบคือ มีขั้นตอนการกรอง 5 ขั้นตอนจะมีไส้กรองทั้ง 5 ชนิดดังกล่าวแต่นอกจากนั้นยังมีไส้กรองอื่น ๆ ที่ติดตั้งมาเป็นตัวเลือกเพิ่มออฟชั่นในการกรองน้ำ เช่น
ทำมาจากเซรามิกอัดเป็นแท่ง มีความละเอียดประมาณ 1 – 0.3 ไมครอน จึงกรองเชื้อแบคทีเรียได้ มีข้อดีคือนำมาทำความสะอาด และใช้ซ้ำได้ อายุการใช้งานโดยประมาณ 1 ปี
สามารถกรองได้ละเอียดถึง 0.01 ไมครอน แต่ไม่เป็นที่นิยมเพราะไม่มีระบบระบายน้ำทิ้งจึงเกิดการอุดตันได้ง่าย อายุการใช้งานโดยประมาณ 1 ปี
เป็นไส้กรองที่ไม่เกี่ยวกับความสะอาดของน้ำเช่นกัน แต่มีหน้าที่เติมแร่ธาตุในน้ำให้กลายเป็นน้ำแร่ตามความเหมาะสม อายุการใช้งานโดยประมาณ 1 ปี
รู้จักประเภทของ เครื่องกรองน้ำ ( Water Ionizer )
ไม่ว่าจะเป็นระบบกรองน้ำใช้ หรือระบบกรองน้ำดื่ม ล้วนมีพื้นฐานมาจากหลักการเดียวกัน แต่ต่างกันตรงที่ลักษณะ และปริมาณของการใช้งาน โดยในระบบกรองน้ำใช้มักเป็นระบบ Micro Filter และ Ultra Filter ซึ่งเพียงพอแล้วต่อการใช้งานในการอุปโภคบริโภค แต่ในระบบกรองน้ำดื่มจะมีขั้นตอนที่กรองได้ละเอียดมากกว่า โดยระบบกรองน้ำนั้นสามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ประเภท ดังนี้
1. เครื่องกรองน้ำใช้ MF ( Micro Filtration System )
สามารถกรองน้ำ และปรับคุณภาพน้ำให้เหมาะสมต่อการใช้งาน เพื่อนำเข้าสู่ระบบกรองน้ำดื่มต่อไป 0.3-0.01 ไมครอน แรงดันประปามาตรฐาน ไม่ต้องใช้ไฟฟ้า ช่วยแก้ปัญหาน้ำกร่อย น้ำเค็ม และน้ำกระด้าง ก่อนเข้าสู่ ระบบประปาภายในบ้าน นอกจากนี้ยังสามารถกรองสี กลิ่น และเชื้อโรคได้ แต่ยังไม่ใช่น้ำคุณภาพดีที่จะใช้ดื่มได้ อาจต้องกรองเพิ่ม หรือต้มอีกครั้ง ตัวเครื่องที่ทำจากไฟเบอร์ มีอายุการใช้งาน 10-15 ปี แต่ต้องอยู่ในร่ม หากติดตั้งนอกบ้านให้เลือกตัวเครื่องสเตนเลส มีอายุการใช้งาน 20-30 ปี ราคาเริ่มต้นที่ 5,000-30,000 บาท ขึ้นอยู่กับขนาด ส่วนไส้กรองราคาเริ่มที่ 1,000-3,000 บาทมีอายุ 1-3 ปี
2. เครื่องกรองน้ำดื่ม UF ( Ultra Filtration System )
มีลำดับการกรอง และความละเอียดที่มากกว่าระบบ MF ส่วนใหญ่จะเป็น เครื่องกรองน้ำ ( Water Ionizer ) แบบ 3 ขั้นตอน จึงเป็นการกรองแบบปลอดเชื้อ สามารถกรองเชื้อจุลินทรีย์ ไวรัส แบคทีเรีย และโปรโตซัวได้ทุกชนิด อีกทั้งสารที่นำมาใช้การกรองแต่ละชั้น ยังสามารถกรองคลอรีน และโลหะหนักได้อีกด้วย 0.01 ไม่ต้องใช้ไฟฟ้า สามารถใช้งานในแรงดันน้ำประปามาตรฐานได้ ตัวเครื่อง 3,000 – 10,000 บาท มีอายุการใช้งาน 10-15 ปี ไส้กรอง 3,000-20,000 บาท มีอายุ 9-12 เดือน
3. เครื่องกรองน้ำดื่ม UV ( Ultra Violet Filtration System )
ระบบกรองที่จะเรียกว่าระบบกรองน้ำก็ไม่ถูกเสียทีเดียวเพราะเป็นการพาน้ำผ่านประจุแสงอัตราไวโอเลตเข้มข้นเพื่อฆ่าเชื้อโรคต่าง ๆ แต่ผู้ผลิตมักจะติดตั้งระบบกรองนี้ควบคู่มากับระบบกรองอื่น ๆ ด้วยซึ่งจะมี หรือไม่มีก็ได้ เป็นวิธีกรองที่รวดเร็ว และสามารถใช้ร่วมกับการกรองระบบอื่นได้ แต่การอาบประจุแสง UV นั้นไม่ใช่การกรองผ่านชั้นกรอง จึงอาจมีเศษสิ่งสกปรกต่าง ๆ ตกค้างอยู่ในน้ำ จึงต้องการระบบกรองแบบอื่นมาช่วยปรับคุณภาพน้ำให้ดีขึ้น ชุดหลอด และอุปกรณ์ต่อท่อน้ำ 1,000 – 2,000 บาท หลอด UV 500 – 1,000 บาท มีอายุ 12-18 เดือน ( ราคาเฉพาะชุดหลอดไม่รวมเครื่องกรองน้ำ )
4. เครื่องกรองน้ำดื่ม RO ( Reverse Osmosis System )
เป็นระบบกรองที่ใช้แรงดันน้ำดันผ่านไส้กรองเมมเบรนความละเอียดสูง มักเป็น เครื่องกรองน้ำ ( Water Ionizer ) แบบ 5 ขั้นตอน ช่วยให้สามารถคัดกรองสิ่งสกปรกรวมถึงแบคทีเรีย และไวรัสได้อย่างหมดจด เรียกได้ว่าเป็นการกรองที่สะอาดที่สุดก็ว่าได้ ทำให้ได้น้ำที่สะอาดกว่าระบบอื่น ๆ เนื่องจากเป็นวิธีการกรองที่ละเอียดที่สุด ทำให้ชั้นกรองอาจจะเกิดการอุดตันได้ ทั้งยังต้องใช้แรงดันในการดันน้ำผ่านชั้นกรอง ต้องอาศัยปั๊มน้ำช่วยในการกรองจึงต้องติดตั้งไฟฟ้าด้วย ทำให้ตัวเครื่องมีราคาสูงกว่าระบบกรองชนิดอื่น ๆ ราคาตั้งแต่ 5,000 – 30,000 บาท มีอายุการใช้งาน 10-15 ปี
สิ่งสำคัญในการใช้ เครื่องกรองน้ำ ( Water Ionizer ) คือ การทำความสะอาดด้วยการเปลี่ยนไส้กรอง ซึ่งแต่ละชนิดก็มีอายุใช้งานต่างกัน ยิ่งเจอสภาพน้ำกร่อย หรือน้ำเค็มเนื่องจากสภาพแวดล้อมอย่างน้ำทะเลหนุนสูงด้วยแล้ว ควรเปลี่ยนชุดไส้กรองเพื่อให้น้ำดื่มจะสะอาด ปลอดภัยต่อสุขภาพคนในบ้านอย่างแท้จริง
อ่านบทความอื่นเพิ่มเติม