ปัจจุบัน หลายบ้านมักจะมี เครื่องกรองน้ำ ติดบ้าน อยู่แล้ว แต่แบบไหนที่เราควรมี ติดบ้าน เพราะ เครื่องกรองน้ำ ช่วยให้เราได้ น้ำ ที่สะอาดมากขึ้น ซึ่งเป็น ประโยชน์ กับเจ้าของแน่นอน เพราะใครๆ ก็ย่อมอยาก ดื่มน้ำ ที่สะอาดอยู่แล้ว
น้ำประปา ที่เราใช้ดื่ม ใช้อาบในปัจจุบันนี้ อาจจะไม่ได้สะอาดอย่างที่คิด เนื่องจาก น้ำ ที่ใช้นั้น อาจมีสิ่งเจือปนอยู่มาก ซึ่งอาจมีสิ่งแปลกปลอม ปนเปื้อน มากกว่า 2,100 ชนิด และ สิ่งเหล่านั้นอันตรายต่อสุขภาพของผู้ดื่ม จากการศึกษาของนักวิจัยยังพบว่า แม้ขั้วโลกเหนือที่เป็นแหล่งน้ำจืดขนาดใหญ่ ที่ยังเป็นน้ำแข็งอยู่ก็ยังพบสารตกค้างของยาฆ่าแมลง ซึ่งเป็นยาฆ่าแมลง ที่ประเทศพัฒนาเลิกใช้นานแล้ว สามารถพบได้ในก้อนน้ำแข็ง และหิมะที่ขั้วโลกเหนือ ซึ่งทำให้ เครื่องกรองน้ำ ( water purifier ) จึงเป็นสิ่งจำเป็นในปัจจุบันมาก เพื่อจะกรองสารเจือปนต่าง ๆ ออกไป เพื่อให้ได้ น้ำสะอาด ที่ใส สะอาด ไร้กลิ่น ไม่มีสารเจือป่น
ชนิดของ เครื่องกรองน้ำ ( water purifier )
เครื่องกรองน้ำ ( water purifier ) ที่ช่วยกำจัด สิ่งปนเปื้อน ที่มากับน้ำดื่ม ถึงแม้ว่าทางกรมประปาจะยืนยันว่า น้ำประปา สามารถดื่มกินได้ แต่เนื่องด้วยปัญหาหลาย ๆ อย่างอาจจะส่งผลให้ น้ำมีสอ่งปนเปื่อนได้ เช่น รอยร้าวท่อ รั่วซึม ซึ่งอาจทำให้มีฝุ่นตะกอนหลุดรอดเข้ามาสู่ น้ำ ของบ้านคุณได้ เพื่อกรองสิ่งมีพิษออกจากน้ำ ทำให้เราได้ น้ำ ที่สะอาด ดังนั้น เครื่องกรองน้ำ ( water purifier ) จึงมีความสำคัญ ที่ควรมี ติดบ้าน ไว้ทุกครอบครัว เครื่องกรองน้ำ มีหลากหลายประเภท หลายชนิด ตามที่ต้องการมากมาย ซึ่ง เครื่องกรองน้ำ ( water purifier ) มีดังนี้
1. ประเภท Reverse Osmosis ( หรือ RO ) เป็นชนิด เครื่องกรองน้ำ ( water purifier ) ที่ไม่ใช้สารเคมี หรือไฟฟ้า มีความสะอาดถึง 99.9 % ปราศจากสิ่งเจือปนต่าง ๆ แต่เกลือแร่ถูกกรองออก 99 % ด้วยเช่นกัน เหมาะสำหรับสถานที่ หรือโรงงานอุตสาหกรรม ที่ไม่มีความจำเป็นในการใช้น้ำที่มีเกลือแร่ หรือ น้ำกระด้าง แต่ก็สามารถใช้ ดื่ม ได้ปกติ ถือว่าเป็นน้ำที่สะอาดมาก
2. ประเภท Distillation คือ แบบกลั่น โดยการทำให้น้ำเดือด กลายเป็นไอน้ำ แล้วมาเป็นน้ำกลั่น ซึ่งน้ำประเภทนี้เป็นน้ำที่ไม่มีสารตกค้าง ไม่มีแร่ธาตุ และไม่มีเกลือแร่ ไม่เหมาะแก่การดื่ม เพราะไร้แร่ธาตุ
3. ประเภท Carbon Block คือ ใช้ผงถ่านบดอัดเป็นก้อนเป็นตัวกรองน้ำ ช่วยในการกรองเชื้อจุลินทรีย์ และสารปนเปื้อนได้ดี นิยมใช้คู่กับแบบ 1 และ 2 ไม่ต้องใช้ไฟฟ้า และเกลือแร่มีในน้ำตามปกติ แต่อายุการใช้งานสั้น
4. ประเภท Granular Activated Carbon ( GAC ) คือ เหมือนแบบ 3 แต่มีขนาดผงถ่านใหญ่กว่าเดิม
5. ประเภท Ceramic ( เซรามิค ) คือ มีรูเล็ก ๆ ให้น้ำผ่านมีประสิทธิภาพสูง การใช้เซรามิคกำลังเป็นที่นิยมมาก เพราะสามารถล้าง และนำกลับมาใช้ใหม่ได้อีก ทำให้ประหยัด เครื่องกรองน้ำ ที่มีในท้องตลาดปัจจุบัน มักจะใช้ประเภทนี้ Ceramic ( เซรามิค ) อยู่ด้วย
6. ประเภท Ozone ( โอโซน ) คือ อุปกรณ์ เพื่อใช้ทำอากาศธรรมดาให้กลายมาเป็นโอโซน ( Ozone Generator ) โอโซนมีพลังในการทำปฏิกริยากับเชื้อจุลินทรีย์ และสารอินทรีย์ต่าง ๆ ในน้ำได้แรงมาก มีประสิทธิภาพ ทำให้น้ำดูใสสะอาด และรสชาติดี เครื่องกรองน้ำแบบใช้โอโซนนี้ต้องใช้ไฟฟ้า และมักใช้ร่วมกับเครื่องกรองน้ำชนิดใช้ถ่าน
7. ประเภทใช้รังสี Ultraviolet ( อุลตร้าไวโอเลต ) คือ โดยอาศัยตะเกียงไฟฟ้าที่แผ่รังสีอุลตร้าไวโอเลต มีคลื่นความถี่ระหว่าง 200-300 nanometer รังสีนี้จะฆ่าเชื้อโรคได้หมดเว้นเชื้อโรคจะซ่อนตัวอยู่กับผงละออง ทำให้ไม่ถูกกับรังสี มักใช้ร่วมกับเครื่องกรองน้ำชนิดถ่าน
8. ประเภท KDF ( เคดีเอฟ ) สามารถกรองคลอรีน เชื้อโรค และโลหะหนัก เป็นที่นิยมใช้มากและประหยัด ทำด้วยทองแดง และสังกะสี ในรูปของโลหะผสม ทำให้เครื่องกรองน้ำชนิดถ่านยืดอายุการใช้งานไปได้ถึง 15 เท่า
9. ประเภท Activated Tricalcium Phosphate ( ATP ) ช่วยกำจัดฟลูออไรค์ได้ รวมทั้งสิ่งเจือปนต่าง ๆ เป็นระบบที่ไม่ใช้ไฟฟ้า มักใช้ร่วมกับเครื่องกรองน้ำที่ใช้ถ่าน
10. ประเภท Ion Exchange หรือเรียกว่า เรซิน (Resin) ไม่ใช้ไฟฟ้า
11. ประเภท Iodine Resin ใช้ในการทำระบบน้ำดื่มฉุกเฉิน ทำลายแบคทีเรียและไวรัส ใช้ได้ทนนาน และเหมาะกับประเทศยากจนที่ขาดธาตุไอโอดีน
สุขภาพที่ดี เริ่มได้ที่ตัวคุณ ด้วยความปรารถนาดีจาก เครื่องกรอง น้ำด่าง ( อัลคาไลน์ ) รุ่นใหม่ AL-808A S2 ตราแมนเนเจอร์ ( Alkaline Water Ionizer By ManNature )
อ่านบทความอื่นเพิ่มเติม
Tag :